ท่ามกลางวิกฤตไฟป่าภาคเหนือที่สาหัสอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อพื้นป่าธรรมชาติ สัตว์ป่า ฝุ่นควันพิษ และสุขภาพของทุกคนอย่างถ้วนหน้า
คนธรรมดาอย่างเราอาจทำได้แค่กำลังใจและบริจาคเงิน สิ่งของไปให้เจ้าหน้าที่ที่ต่อสู้แทนเราทุกคน แต่ความจริงเรายังทำอะไรได้มากกว่าอีกด้วย นั่นคือการพยายามลดละการบริโภคผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ หรือทานให้น้อยลงนั้นเอง
ปัจจุบันมีผลงานวิจัยหลายที่ระบุว่า การทำปศุสัตว์ (animal agriculture) สร้างก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (co2) สู่โลกมากกว่าหลายหมื่นล้านตัน ต่อปี อีกทั้งยังกินอัตราส่วนของปฏิกริยาก๊าซเรื่อนกระจกสู่โลกนี้มากที่สุด ( มากกว่าการขน ผลิตไฟฟ้า หรืออื่นๆ
การทำปศุสัตว์ ยังใช้นํ้าจืดไปมากกว่า 2 แสนล้านลิตรต่อปี อาจจะมากกว่ากว่ามนุษย์ใช้ด้วยซํ้า โดยเฉพาะบางพื้นที่ที่ขาดแคลนนํ้า และนํ้ามีค่ามากสำหรับหลายๆคน แต่เรากับใช้นํ้ามากกว่าหมื่นลิตรเพื่อผลิตเนื้อวัว 1 กิโลกรัม
มีการประมาณว่าเราสูญเสียพื้นป่าอเมซอนขนาดเท่าสนามฟุตบอลไปทุกๆในนาที่ เพราะความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ของพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับจำนวนประชากรโลกมากขึ้น และหากอัตราการศูนย์เสียยังเท่าเดิม มีการคาดการว่าพื้นป่าดิบชื้นอาจจะหมดไปในอีก 80 ปี
แน่นอนว่าปัญหาหมอกควัน PM 2.5 ที่กระทบหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็มีสาเหตุสำคัญมาจากการเผาไร่อ้อย ข้าวโพด เพื่อผลิตอาหารสัตว์ตามความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ที่มากขึ้น ซึ่งในพื้นที่หลายๆแห่ง ไฟก็ลามเข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
การเลือกทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ทานแต่พอดีไม่ให้เหลือ นอกจากจะช่วยเรื่องไฟป่าแล้ว ยังช่วยลดโลกร้อน ลดการใช้นํ้า ลดการใช้ที่ดิน การรุกรานพื้นป่าเพื่อการเกษตร และที่สำคัญเราจะยังช่วยรักษาโลกใบนี้ไว้สำหรับลูกหลานเราในอนาคตอีกด้วย
บทความจาก www.facebook.com/Re4Reef
Commenti